ทูตที่ช่างโต้คารม

สรุป: 
ความเฉลียวฉลาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตา ดังนั้นอย่าดูถูกคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก
รายละเอียด: 

สมัยชุนชิว รัฐฉี่กับรัฐฉู่ เป็นรัฐใหญ่ทั้งคู่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง จ้าวที่ปกครองรัฐฉี่ ส่งเยี้ยนยินไปเป็นทูตที่รัฐฉู่ จ้าวผู้ครองรัฐฉู่ ก็จึงอยากถือโอกาสนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐฉู่ยิ่งใหญ่กว่าฉี่ ทำให้รัฐฉี่ได้อับอาย เจ้าผู้ครองรัฐฉู่ได้ยินว่า ทูตคนนี้มีรูปร่างเล็กกว่าปกติ แกล้งทำประตูเล็กบานหนึ่งอยู่ข้างประตูใหญ่ แล้วสั่งทหารที่เฝ้าประตูว่า เวลาที่เยี้ยนยินมาถึงให้เข้าประตูเล็ก พอเยี้ยนยินมาถึง ทหารก็แนะนำให้เข้าประตูเล็ก เยี้ยนยินก็ไม่ยอมเข้าประตูเล็ก เขาพูดว่า ประตูเล็กขนาดนี้สำหรับสุนัขเข้าออก ตัวฉันเองไม่ได้มารัฐสุนัขนะ คนต้องเข้าประตูใหญ่ พอเจ้าผู้ครองรัฐฉู่ได้ยินก็ยอมให้เข้าประตูใหญ่   พอเยี้ยนยินเข้าไปพบจ้าวผู้ครองนคร ผู้ครองรัฐก็ถามว่า ในรัฐของท่านไม่มีคนแล้วหรือจึงส่งเด็กๆอย่างคุณมาเป็นทูตต่างประเทศ เยี้ยนยินตอบว่า กษัตริย์ของเราต้องดูสถานการณ์ว่าจะส่งใครไปประเทศไหนก็ต้องส่งคนอย่างนั้นไป จ้าวผู้ครองรัฐฉู่ก็ไม่สามารถโต้ตอบได้ แต่ในใจก็ยังไม่ยอมแพ้   ต่อมาจ้าวผู้ครองรัฐเลี้ยงอาหารรับรองเยี้ยนยิน เขาได้สั่งให้นำนักโทษของรัฐฉี่เข้ามาสอบสวน พอถึงเวลากินอาหาร จ้าวผู้ครองรัฐฉู่ก็ถามว่า นักโทษนี้เป็นใครมาจากไหน ทำความผิดอะไร เจ้าหน้าที่ตอบว่า “คนนี้เป็นโจรมาจากรัฐฉี” จ้าวผู้ครองรัฐฉู่ก็หันไปถามทูต ว่าในประเทศของคุณไม่มีข้าวกินแล้วหรือ จึงเข้ามาในรัฐฉู่ขโมยข้าวกิน เยี้ยนยินก็ลุกขึ้นมาตอบว่า “ได้ยินว่า ส้มที่ปลูกในภาคใต้มีรสหวาน กินอร่อย แต่ว่าย้ายมาปลูกที่ภาคเหนือก็เปลี่ยนไป ทั้งเปรี้ยวทั้งขม กินไม่ได้เลย คนของรัฐฉี่ ไม่มีใครเป็นโจร ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนนี้พอมาถึงรัฐฉู่จึงเป็นโจร สงสัยสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปกระมัง” จ้าวผู้ครองรัฐฉู่ ก็ตอบไม่ออกเช่นกัน

ตำแหน่งที่ตั้ง: 
รายละเอียดตำแหน่งที่ตั้ง: 

99/7 พระปิ่นเกล้า บางกอกน้อย กรุงเทพมหานครฯ